เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของพ่อกับจักรยานคู่กายที่หายไปพร้อมกันอย่างไร้ร่องรอยเมื่อ 20 ปีก่อน นั่นเป็นบาดแผลลึกในครอบครัวที่ไม่มีใครอยากเอ่ยถึง แม่และลูกๆ ทั้งเจ็ดเติบโต แก่ เจ็บ ดำเนินชีวิตต่อไปตามเส้นทางของตัวเอง รอยแผลในใจนั้นดูเหมือนจะจางลงตามกาลเวลา ไม่มีใครพูดถึงพ่ออีก แต่ก็ไม่มีใครพูดว่าพ่อตายแล้วเช่นกัน ลึกๆ แล้วทุกคนต่างรู้ดี แม้จะกลบฝังมันไว้อย่างมิดชิด แต่การหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาของพ่อกลายเป็นเข็มคาใจที่ไม่มีวันหายไปของทุกคน
เสี่ยวเฉิง ลูกชายคนเล็กของครอบครัว ได้รับจดหมายจากนักอ่านของเขา จดหมายฉบับนั้นถามถึงเรื่องราวของพ่อและจักรยานที่หายไปในนิยายของเขาที่ทิ้งปมไว้อย่างคลุมเครือ คำถามนั้นเองที่กระตุกเข็มที่คาอยู่ในใจอีกครั้ง เสี่ยวเฉิงหันมาสะสมจักรยานเก่า ก่อนตัดสินใจออกตามหาจักรยานที่หายไปของพ่อ ในอีกแง่หนึ่งก็คือการตามหาร่องรอยของพ่อ การเดินทางครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้จักใครหลายคนที่เกี่ยวโยงกันด้วยจักรยานโบราณ สงคราม และ “กรรมชะตา” ที่คาดไม่ถึง
'จักรยานที่หายไป' เล่มนี้จะพาผู้อ่านเดินทางย้อนเวลาไปสู่ไต้หวันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในยุคที่ไต้หวันยังเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น ผ่านความทรงจำของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับจักรยาน
ซึ่งถูกมองว่ามันกำหนดกรรมชะตาและผูกโยงผู้คนในเรื่องเข้าด้วยกัน จักรยานนั้นพาเราปั่นไปทั่วไต้หวัน บางคันมุ่งสู่สมรภูมิรบอันโหดร้ายแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บางคันระหกระเหินกลับมายังบ้านเกิดของมันอีกครั้งในสภาพที่ชำรุด สูญหาย รอการค้นพบ และซ่อมแซมมันอีกครั้ง